โชคดีหรือโชคร้าย
ผู้เขียนเชื่อว่าผู้ที่เริ่มทำธุรกิจหลายคน เริ่มต้นด้วยความเชื่อมั่น เห็นว่าธุรกิจนั้นมีโอกาสประสบความสำเร็จมากและโอกาสที่จะล้มเหลวมีน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย และด้วยความสามารถ ความมุ่งมั่น ความรอบคอบ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ในธุรกิจแรก
ต่อมาเมื่อมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่ผู้ประกอบการจะมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจอีก ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขาหรือการ diversified ไปสู่ธุรกิจอื่นก็ตาม แล้วก็ประสบความสำเร็จอีก และแน่นอนก็จะขยายอีก ขยายต่อไปอีก ขยายอีกเรื่อยๆ มีความสามารถที่จะมองออกว่าอะไรที่เป็นโอกาสทางธุรกิจ และสามารถจับถูกที่ถูกเวลา
หากผู้ประกอบการนั้นมีระบบงานและทีมงานที่เข้มแข็งในแต่ละสายงาน แต่ละธุรกิจ ก็น่าจะเติบโตต่อไปได้ กรณีนี้ผู้เขียนเชื่อว่าเพราะเขารู้จักทำธุรกิจโดยที่วางตัวเองอยู่เหนือธุรกิจ ไม่ได้อยู่ในธุรกิจ
เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ และคุมเกมส์ได้
![]() |
| คิ ด ใ ห้ ร อ บ ค อ บ |
แต่ก็มีผู้โชคดีอีกหลายคนที่โชคดีที่ธุรกิจประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีระบบที่ดีในการรองรับ หรือไม่กล้าวางมือ ไม่ได้อยู่บนธุรกิจเพราะจมอยู่ในวังวนของงานปฎิบัติการ เรียกว่าคลุกวงในสุดๆ ทำให้เหนื่อย
ทำให้ล้า และทำให้ท้อ ซึ่งอาจส่งผลร้ายต่อธุรกิจทั้งหมดที่มีได้
Danaiya Inspire แนะนำอย่างมากว่า นักธุรกิจทุกคนไม่ควรเอาความสำเร็จและความเก่งกาจของตัวท่านเป็นที่ตั้ง เพราะความเก่งและความสำเร็จนั้นสามารถนำพาท่านไปสู่จุดที่สำเร็จเหนือกว่าได้มากขึ้นเรื่อยๆ และในขณะเดียวกัน ความเหนื่อยหน่าย กังวล ความเครียด และความกดดันจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดความท้อแท้ ไม่มีความสุข
สิ่งที่ท่านควรทำคือ ถามตัวเองอย่างจริงจังว่า ท่านชอบอะไร อยากทำอะไร, คุณค่าในการทำสิ่งนั้นๆสำหรับท่านคืออะไร, ถ้าท่านทำสำเร็จท่านจะรู้สึกอย่างไร, ความสำเร็จนั้นมีความหมายอะไรกับท่าน, หากท่านล้มเหลวท่านจะรู้สึกอย่างไร, หากท่านไม่ได้ทำธุรกิจนี้หล่ะท่านจะเป็นอย่างไร สังเกตุว่าเป็นคำถามที่ให้ถามตัวเอง ไม่มีปัจจัยอื่นหรือบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย ท่านอาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการตอบคำถาม เพื่อค้นหาคุณค่าและความคุ้มค่าที่แท้จริงให้ได้ เพื่อที่ท่านจะได้แน่ใจแน่ๆว่าท่านโชคดีเมื่อท่านประสบความสำเร็จ ไม่โชคร้ายที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน

ผู้ที่สำเร็จและอยากเติบโตต่อไป ต้องอ่านครับ
ตอบลบ