25 กันยายน 2554

แม่จ๋า...หนูเรียนอะไรดี?


"หนูเอ็นทรานซ์เข้าคณะxxx ตามคะแนนที่หนูได้ค่ะ"
"หนูเลือกเรียนตามที่คุณพ่อคุณแม่แนะนำค่ะ"

ประโยคคำพูดเหล่านี้ฟังดูคุ้นๆไหมค่ะ?
มีโอกาสได้คุยกับนักศึกษาปริญญาโทและพบว่าที่เธอมาเรียนการโรงแรมเพราะคุณแม่บอกว่าในอนาคตอันใกล้อยากเปิดโรงแรม

ก่อนหน้านี้เธอจบปริญญาตรี เอกภาษาฝรั่งเศส จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ซึ่งเธอบอกว่าเลือกเอ็นทรานซ์เข้าคณะนี้เพราะเรียนสายศิลป์ภาษาตอนมัธยมปลาย เมื่อถามว่าทำไมจึงเลือกศิลป์ฝรั่งเศส เธอตอบว่าเพราะคุณแม่ คุณน้า และพี่สาว ก็เรียนศิลป์ฝรั่งเศสเหมือนกัน

แม่จ๋า...บอกหนูหน่อย

หลังจากจบปริญญาตรี เธอเป็นนักแปล เป็นล่าม และเป็นติวเตอร์สอนภาษาฝรั่งเศส ซึ่งงานฟรีแลนซ์ทั้งหมดนี้สร้างรายได้ให้เธอเป็นกอบเป็นกำ พร้อมทั้งยังมีเวลาอิสระที่จะไปเที่ยวต่างประเทศได้บ่อยๆ แต่เธอตัดสินใจเลิกเพราะเริ่มเบื่อและไม่สนุกกับการทำงานด้านภาษาอีกต่อไป เธอคิดว่าต้องกลับมาเรียนหนังสือใหม่เพื่อที่จะได้หาอาชีพใหม่ที่เธอชอบและสนุก เธอจึงไปปรึกษาคุณแม่ว่าควรเรียนอะไรดี เมื่อคุณแม่พูดถึงโรงแรมที่อยากสร้าง เธอจึงมาเรียนปริญญาโทด้านการโรงแรม

เมื่อถามเธออีกครั้งว่าแล้วถ้าเกิดได้ทำงานที่โรงแรมจริง เมื่อเวลาผ่านไปซักพักแล้วเธอเริ่มเบื่อและไม่สนุกอีก เธอจะเริ่มมองหาวิชาที่จะเรียนใหม่อีกครั้งหรือไม่ เธอนิ่งไปแล้วตอบว่าที่ผ่านมาตั้งแต่มัธยมต้น ตั้งแต่ตัดสินใจว่าจะเรียนศิลป์ภาษานั้น เธอไม่ได้คิดเองเลย เธอแค่ทำตามคนรอบข้าง และโชคดีที่เธอเรียนเก่งจึงก้าวหน้าในสาขาวิชานั้นมาตลอด ถึงวันนี้เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมาเธอเลือกเรียนและเลือกทำงานบนพื้นฐานอะไรกันแน่
อย่าเล่นกลกับชีวิตของตัวเอง

เรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากการทำธุรกิจหรอกค่ะ หลายคนเปิดร้านกาแฟเพราะคิดว่าเป็นอาชีพอิสระ ผู้หญิงหลายคนฝันอยากมีร้านเบเกอรี่ ร้านหนังสือเก๋ๆซักร้าน บางคนขายเสื้อผ้าออนไลน์เพื่อหารายได้เสริม บางคนเที่ยวไปหิ้วสินค้าจากต่างประเทศมาขาย พอถามเข้าจริงๆว่ากาแฟพันธุ์อะไรดีที่สุดในโลก คัพเค้กที่เก๋ไก๋นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากอะไร หนังสือที่ขายดีในร้านเก๋ๆนั้นเป็นหนังสือแนวไหน เสื้อผ้าที่คนทำงานซื้อส่วนมากสีอะไร สินค้าต่างประเทศที่คนไทยซื้อมากที่สุดคืออะไร กลับตอบไม่ได้ เพราะเปิดร้านเหล่านี้ตามที่คนอื่นเขาเปิดๆกัน ไม่ได้เริ่มมากจากการถามตัวเองว่าจริงๆแล้วชอบอะไรกันแน่ แล้วจะมีแรงขับเคลื่อนให้ธุรกิจที่ทำอยู่นั้นสำเร็จได้อย่างไร

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาธุรกิจใหม่ หรือกำลังจะเปลี่ยนอาชีพ เปลี่ยนสายงาน ลองนั่งนิ่งๆให้เวลาตัวเองซัก 2-3 ชั่วโมง ถามตัวเองอย่างจริงใจว่าชอบทำอะไรกันแน่ มีความรู้ความสามารถอะไร ทำอะไรได้ดี รู้ไหมว่าเจ้าของธุรกิจต้องทำอะไรบ้าง ต้องมีทักษะอะไรบ้าง หากมีอุปสรรคระหว่างทางจะรับมืออย่างไร ใช้เวลากับคำถามเหล่านี้ให้มาก ชั่งน้ำหนักดูระหว่าความเป็นไปได้และความชอบให้ดี คุณจะได้คำตอบดีๆให้อนาคตตัวเอง ดีกว่าผ่านไป 10 ปีเหมือนกรณีนักศึกษาที่เล่ามา แล้วพบว่าไม่มีความสุขเพราะไม่ใช่สิ่งที่อยากทำ

โอกาสหน้าจะเล่าถึงการเลือกสิ่งที่ใช่ ทำในสิ่งที่ชอบ สำหรับนักธุรกิจทุกคนค่ะ

21 กันยายน 2554

การขายที่ล้ัมเหลว


ผู้อ่านหลายท่านคงจะมีประสบการณ์ถูกเปิดการขายและก็กลายเป็นลูกค้าไปอย่างง่ายดายใช่ไหมค่ะ
แต่ก็ยังมีอีกหลายกรณีที่ท่านปฏิเสธการซื้อ...ทำไมหล่ะค่ะ

พ นั ก ง า น ข า ย

Danaiya Inspire จะเอาประสบการณ์ตัวเองเป็นที่ตั้งน่ะค่ะ แล้วบอกว่าอะไรบ้างที่ทำให้ปฏิเสธการซื้อสินค้านั้น

ตัวสินค้า:-
1) ไม่เป็นที่ต้องการ ไม่มีความจำเป็น
2) หีบห่อดูไม่น่าเชื่อถือ หรือลองใช้แล้วเห็นว่าเปราะบาง ไม่ทนทาน
3) ราคาสูงเกินไป

ตัวพนักงานขาย:- 
1) หากมีการนัดหมายล่วงหน้า แล้วพนักงานขายผิดนัด
2) เมื่อพบกัน พนักงานขายสนใจแต่จะเสนอขาย โดยไม่สนใจคนซื้อว่าพร้อมฟังหรือไม่
3) ยกย่องว่าสินค้าตนเองดีเลิศ สินค้าที่เรามีอยู่ไม่ดีขนาดเทียบกันไม่ได้
4) โจมตีคู่แข่งมากเกินงาม
5) ยัดเยียดขาย พยามปิดการขายจนน่าเกลียด
6) ไม่ยืดหยุ่น ในกรณีที่คนซื้อสนใจแต่ไม่ต้องการซื้อปริมาณมาก
7) ไม่รู้จริง ไม่สามารถตอบคำถามที่เกี่ยวกับสินค้านั้นได้ และเฉไฉไปเรื่องอื่น
8) พนักงานขายไม่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งเห็นได้ชัดจากบุคลิกภาพ การพูดจา เป็นต้น

เห็นไหมค่ะว่าผู้ซื้อมีเหตุผลมากมายที่จะไม่ซื้อสินค้านั้น และส่วนมากมาจากพนักงานขายนั่นเอง
หากผู้ประกอบการต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจ ต้องสร้างพนักงานขายที่มีคุณสมบัติดีงามก่อน
จากนั้นจึงฝึกฝนเรื่องการนำเสนอสินค้า ความรู้ในสินค้า และศิลปะการปิดการขาย ก่อนให้พนักงานของท่านออกตลาดไปพบกับลูกค้า เพราะเมื่อไม่สามารถปิดการขายได้และลูกค้าเสียความรู้สึก ไม่ชอบพนักงานขายของท่านเสียแล้ว ก็เท่ากับท่านเสียโอกาสไปแล้ว 1 ครั้งและอาจไม่มีโอกาสได้ลูกค้าคนนั้นกลับมาอีกเลยก็ได้

17 กันยายน 2554

ยะโสโอหัง...จะพังหรือไม่


ความยะโสโอหัง อาจหมายถึงความเท่ห์ของเจ้าของ และอาจถูกตีความว่าเป็นความเย่อหยิ่งในสายตาลูกค้า

มีโอกาสเดินทางไปชิมอาหารเจ้าอร่อยถึงจังหวัดสิงหบุรี เรียกว่าเป็นหน้าตาของจังหวัดทีเดียว เมนูเด็ดก็เห็นจะเป็นจำพวกปลาน้ำจืดต่างๆ ยอมรับว่ารสชาติเด็ดขาด อร่อยทุกจาน เรียกว่าถ้าได้ลองชิมแล้วหล่ะก็ไม่ผิดหวังทีเดียว

เนื่องจากเราเดินทางกันเป็นหมู่คณะ เจ้าของร้านเดินมารับถึงรถบัสเลยทีเดียว พอเข้ามาในร้านเจ้าของก็ประกาศท้าทายด้วยความสนุกสนานว่า "ถ้าไว้ใจผม ไม่ต้องสั่ง ผมจัดให้เป็นชุดเลย รับรองถูกใจ" เมื่อเขาว่ามาอย่างนั้นเราก็ตามใจ จัดมาเลยก็แล้วกัน เรานั่งแยกเป็นกลุ่มเพราะที่ร้านไม่จัดโต๊ะยาว
นั่งได้ 5 โต๊ะ อาหารก็มา 5 ชุด จัดมาอลังการตามใจคนจัดจริงๆ เมื่อรับประทานกันไป เด็กๆหลายคนเริ่มอยากได้ไข่เจียว สั่งปุ๊บไม่ได้ปั๊บ เพราะเฮียแกบอกว่าต้องรอนาน สักพักเพื่อนบางโต๊ะขอสั่งเพิ่ม เฮียตอบว่าสั่งทีละจานไม่ได้ เดี๋ยวคิดเงินยาก ลงมันทั้ง 5 โต๊ะเลยล่ะกัน อ้าว...อีก 3 อย่างก็ 15 จานน่ะสิ แป๊บเดียวได้มาครบทุกโต๊ะ นั่งมองหน้ากันงงๆ ทำไมไข่เจียวสั่งแล้วไม่ได้ ทีอาหารยากๆสั่งปุ๊บได้ปั๊บ มาสนุกอีกทีตอนเช็คบิล คิดรวมกันได้ 12,470 บาท แกเขียนหมึกหนาทับมาเป็น 12,500 บาท
โอ้แม่เจ้า...คิดปัดเศษขึ้นหรือเนี่ย!!!

ความยะโสโอหังของเจ้าของร้าน เป็นเรื่องน่าสนุกขบขันในตอนแรก เรามองกันว่าเฮียแกเป็นคนมันส์ๆสนุกสนาน คงมีสไตล์ในแบบของเถ้าแก่ภูธร แต่พอผ่านไปในช่วงเวลาไม่ถึงชั่วโมงในการรับประทานอาหาร ภาพพจน์แกก็เริ่มเปลี่ยนไปในสายตาเรา ความยะโสโอหังนั้นเจือไปด้วยอาการดูถูกลูกค้าอยู่ไม่น้อย เย่อหยิ่งประเภท "ตามใจคนจัด ขัดใจคนขอ และไม่ง้อคนกิน" เลยทีเดียว
ป้ายหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวที่จ.สุโขทัย 

เปรียบเทียบกับร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ร้านตกแต่งได้เป็นธรรมชาติมากๆ เจ้าของก็ต้อนรับเราดีมากเช่นกัน ภายในร้านนอกจากขายก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ผัดไทย ขนมเบื้องญวน ข้าวเกรียบปากหม้อแล้ว ยังขายเครื่องเงินเครื่องทองที่ออกแบบได้เก๋ไก๋ด้วย ราคาไม่ธรรมดาน่ะจะบอกให้ แหวนลงยาเรือนงามๆว่ากันถึง 7 หมื่นเลยทีเดียว เจ้าของร้านมีความอารีอารอบอย่างมาก พูดจาหวานหู อาหารช้าไปหน่อยก็ขอโทษแล้วขอโทษอีก ถึงจะขายทั้งอาหารและเครื่องทองราคาสูงแต่เจ้าของก็ทำหน้าที่เสริฟด้วย
เมื่อเราชมว่าร้านนี้คนเยอะมากเลยน่ะ เวลาบ่ายแก่ๆแล้วยังมีคนแน่นร้าน ก็ได้คำตอบที่ถ่อมตัวมากว่า "สุโขทัยมีร้านอาหารน้อยครับ ลูกค้าไม่ค่อยมีทางเลือกครับ เราก็เลยขายดีครับ" โอ้แม่เจ้า...นี่ขนาดลูกค้าไม่มีทางเลือกน่ะเนี่ย ยังใส่ใจดูแลลูกค้ากันขนาดนี้ ไม่มีความหยิ่งยะโสตรงไหนเลย อยากจะบอกว่าเครื่องประดับบนตัวเจ้าของร้านน่ะมากกว่าที่พวกเราหลายคนมีด้วยซ้ำ ที่เด็ดขาดอีกอย่างคือ ตอนเช็คบิล พวกเราทั้งคณะกินก๋วยเตี๋ยวกันหลายพันบาท เจ้าของร้านปัดเศษหลักร้อยทิ้งไปบอกว่าลดให้ที่มาอุดหนุน ชื่นใจคนกินจริงๆค่ะ

ขอให้ความนอบน้อม ความมีน้ำใจ ความเป็นผู้ประกอบการนิสัยดีของท่านเจ้าของร้านไม้กลางกรุง ส่งผลให้ท่านเจริญๆ ร่ำรวยๆ มีความสุขมากๆน่ะค่ะ

11 กันยายน 2554

Ownership สำคัญเท่าชีวิต


ธุรกิจจะรอดหรือไม่ขึ้นอยู่กับ Ownership ของพนักงานบริการของท่าน

ขณะที่ออกมาประชุมสัญจรกับเพื่อนนักธุรกิจด้วยกัน คืนแรกพักที่โรงแรมชื่อดังริมแม่น้ำในจังหวัดพิษณุโลก โรงแรมยังสวยงามและอยู่ในสภาพที่ดีมากไม่ต่างจากที่เคยมาพักเมื่อหลายปีก่อน ต่างกันที่บรรดาผับและเธคด้านหน้าได้ปิดตัวลงแล้วทำให้โรงแรมมีความสงบและร่มรื่นน่าพักผ่อน
ขณะที่เช็คอิน ผู้เขียนถามขึ้นว่า "มีห้องเตียงเดี่ยวใหญ่หรือเปล่าค่ะ" พนักงานหน้าฟร้อนท์ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำว่า "จองมาเตียงคู่ค่ะ" ด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น ความรู้สึกและเสียงตอบโต้กับพนักงานคนนั้นเกิดขึ้นมากมายในใจว่า เราไม่ได้ถามว่าจองเตียงอะไรมา เพราะมากันเป็นกลุ่มใหญ่ก็เป็นไปได้ว่าจองมาแบบนั้น แต่ถามว่าโรงแรมมีห้องเตียงเดี่ยวหรือไม่ต่างหาก น้ำเสียงห้วนสั้นและไม่มองหน้าเวลาตอบทำให้เรารู้สึกไปได้อีกว่าเขากำลังไม่ใส่ใจบริการ เห็นไปได้ไกลขนาดว่าเขากำลังดูถูกเรา เขาไม่มีความสุภาพและอ่อนน้อมตามลักษณะที่พนักงานบริการควรมี วันรุ่งขึ้นขณะที่เช็คเอาท์ ได้ชำระค่าห้องด้วยบัตรเครดิต พนักงานอีกคนเอื้อมมือมาหยิบบัตรฯด้วยสีหน้าไม่พอใจ เมื่อขอใบเสร็จพนักงานคนดังกล่าวทำท่ารำคาญใจและปฏิเสธการออกใบเสร็จให้ เมื่อผู้เขียนยืนยันว่าต้องการใบเสร็จรับเงินก็ใช้ให้พนักงานอีกคนเขียนให้ด้วยน้ำเสียงที่กระแทกกระทั้น

คืนต่อมาไปพักที่โรงแรมสวยงามท่ามกลางทุ่งนา ใกล้เมืองเก่าสุโขทัย ขณะที่รถบัสกำลังจะเลี้ยวเข้าโรงแรมมีพนักงานชายวิ่งหน้าตั้งมาไกลๆทำท่าโบกรถว่าเข้าทางนี้ไม่ได้เพราะสายไฟห้อยลงต่ำ
ให้ไปเข้าอีกทางหนึ่ง จากนั้นวิ่งไปโบกรถดูทางให้ด้วยท่าทางห่วงใย ช่วยยกกระเป๋าให้ พนักงานอีกคนจัดแจงเสริฟเครื่องดื่มเย็นในภารชนะที่น่ารักพร้อมรอยยิ้มและคำพูดทักทายต้อนรับ พนักงานหน้าฟร้อนท์ดูท่าทางแล้วยังไม่ชำนาญงานมากนักแต่ด้วยน้ำเสียงและอัธยาศรัยที่สุภาพอ่อนน้อมทำให้คณะของเรายินดีที่จะรอ ขณะที่เดินไปห้องพัก พบพนักงานเดินสวนมาแต่งกายด้วยชุดไปรเวท (คงออกเวรไปแล้ว) แต่พนักงานยังให้ความใส่ใจ ทักทายยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อเราถามคำถามก็ตอบด้วยความกระตือรือร้นและเป็นธุระให้ทันที ก่อนเราจะออกไปเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ พนักงานหน้าฟร้อนท์ขออนุญาติเราและแจ้งว่าถ้าต้องการให้ออกใบเสร็จค่าห้องพักให้ ให้เราแจ้งชื่อบริษัทและที่อยู่ได้ก่อนเพื่อวันรุ่งขึ้นขณะเช็คเอาท์จะได้รวดเร็ว ตอนค่ำหลังรับประทานอาหารเสร็จเรายังคงนั่งคุยงานกันต่อจนเกือบเที่ยงคืน ครัวปิดไปตั้งแต่ 21.30น.แล้ว พนักงานก็ยังคงรอให้บริการเราอยู่โดยไม่รบกวนเราเลย ไม่มีอาการไม่พอใจหรือรำคาญใดๆ

สิ่งที่ได้เรียนรู้คือความเป็น Ownership ของพนักงานทั้ง 2 แห่งต่างกันอย่างสุดขั้ว โรงแรม Sukhothai Treasure Resort & Spa นั้นพนักงานมีความอ่อนน้อมสุภาพ รู้สึกเป็นธุระและห่วงใย ใส่ใจให้บริการราวกับเป็นเจ้าของสถานที่ที่ให้การดูแลและต้อนรับแขกที่มาเยือนด้วยความยินดีและเต็มใจ จนอดไม่ได้ที่จะชื่นชม ส่วนโรงแรมที่พิษณุโลกนั้นด้วยจำนวนพนักงานที่มากกว่าแต่คุณภาพการบริการที่แย่กว่า แสดงให้เห็นว่าพนักงานไม่มีความรู้สึกอยากต้อนรับ ไม่มีความเป็นเจ้าบ้านที่ดีที่ให้การต้อนรับแขกที่มาเยือน ตรงข้ามกลับรู้สึกรำคาญเหมือนถูกรบกวน และไม่แยแสที่จะดูแลแม้แต่การตอบคำถามง่ายๆ

เมื่อลูกค้าไม่พอใจเสียแล้ว การบอกเล่าปากต่อปากจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง และยิ่งด้วย Social Media เช่น เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ และบล็อกต่างๆอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและภาพรวมของธุรกิจนั้นอย่างรวดเร็วและง่ายดาย ไม่น่าเชื่อว่าแค่การแสดงออกถึงความเป็นเจ้าบ้าน การมี Ownership ในตัวพนักงานมีความสำคัญเท่าชีวิตที่ส่งผลต่อความอยู่รอดหรือจากไปในเชิงธุรกิจได้ง่ายถึงเพียงนี้

ผู้ประกอบการทุกท่านต้องให้ความใส่ใจในการสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของให้กับพนักงานของท่าน เพื่อให้เขาได้สะท้อนภาพออกมาในรูปการบริการที่มีคุณภาพซึ่งลูกค้าสามารถสัมผัสได้ รู้สึกได้ ทั้งๆที่จับต้องไม่ได้ และการบอกต่ออย่างชื่นชมนั้นเป็นการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์อย่างดีโดยไม่ต้องลงทุนมากมายด้วย



7 กันยายน 2554

โทรศัพท์มือถือ...แปลงรูปร่างเป็นอะไรได้บ้าง


วันนี้มีไอเดียใหม่มานำเสนอค่ะ

ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นอวัยวะของร่างกายไปแล้วใช่ไหมค่ะ
ไม่มีไม่ได้ ไม่เปิดก็ไม่ได้ค่ะ เป็นอาการเดียวกันทุกเพศทุกวัย

เด็กประถม มัธยม ก็ยังต้องพกโทรศัพท์มือถือกันเลย แต่โรงเรียนทั่วไปไม่อนุญาติให้นักเรียนเปิดโทรศัพท์มือถือได้ในเวลาเรียน หรือถ้าเปิดก็ให้ฝากเครื่องไว้ที่คุณครู คุณคิดว่าเด็กๆเลือกแบบไหนค่ะ เด็กส่วนมากเลือกที่จะปิดเครื่องและเก็บไว้กับตัวค่ะ

ปัญหาก็คือ เก็บไว้กับตัวอย่างไรถึงจะไม่หาย ห้อยไว้ที่คอก็แปลกเพราะปิดโทรศัพท์ตลอดเวลา แล้วจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

ถ้าคุณมีไอเดีย คุณก็สามารถสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าได้ มีตลาดรองรับแน่นอน

เฉลย ตอนนี้มีโทรศัพท์ที่หน้าตาเหมือนนาฬิกาค่ะ เป็นนาฬิกาข้อมือที่ทำได้ทุกอย่างเหมือนโทรศัพท์มือถือ
ภาพจาก http://www.chicgeek.com.sg/


ฟังวิทยุได้ ส่งข้อความได้ ถ่ายรูปได้ มีเมมโมรี่การ์ดเก็บรูป เก็บเสียง เก็บไฟล์ต่างๆได้เหมือนโทรศัพท์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นโทรศัพท์ สำหรับวัยรุ่น นาฬิกาเรือนนี้น่าจะเป็นคำตอบที่เก๋ไก๋ ไม่หายแน่ๆเพราะติดอยู่ที่ข้อมือตลอด คุณครูก็ไม่รู้

แต่ถ้าเป็นคนวัยทำงาน เครื่องนี้อาจให้คำตอบที่ฟังก์ชั่นเป็นโทรศัพท์ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะควานหาไม่เจอเพราะเครื่องโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าสะพาย หรือเบื่อที่จะพกพาโทรศัพท์เครื่องโตตลอดเวลา จะไปฟิตเนสก็ไม่สะดวก จะไปช้อปปิ้งก็เป็นภาระ เอามาผูกติดกับมือซะ หมดเรื่อง

ไอเดียธุรกิจที่สามารถแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ ก็สามารถขายได้แน่นอนค่ะ ไม่ซ้ำไม่โหล ไม่ต้องฟาดฟันกันด้วยการลดราคาด้วยค่ะ

โอกาสต่อไปจะหาไอเดียธุรกิจใหม่ๆมานำเสนออีกค่ะ



2 กันยายน 2554

โชคดีหรือโชคร้าย


โชคดีหรือโชคร้าย

ผู้เขียนเชื่อว่าผู้ที่เริ่มทำธุรกิจหลายคน เริ่มต้นด้วยความเชื่อมั่น เห็นว่าธุรกิจนั้นมีโอกาสประสบความสำเร็จมากและโอกาสที่จะล้มเหลวมีน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย และด้วยความสามารถ ความมุ่งมั่น ความรอบคอบ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ในธุรกิจแรก

ต่อมาเมื่อมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่ผู้ประกอบการจะมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจอีก ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขาหรือการ diversified ไปสู่ธุรกิจอื่นก็ตาม แล้วก็ประสบความสำเร็จอีก และแน่นอนก็จะขยายอีก ขยายต่อไปอีก ขยายอีกเรื่อยๆ มีความสามารถที่จะมองออกว่าอะไรที่เป็นโอกาสทางธุรกิจ และสามารถจับถูกที่ถูกเวลา

หากผู้ประกอบการนั้นมีระบบงานและทีมงานที่เข้มแข็งในแต่ละสายงาน แต่ละธุรกิจ ก็น่าจะเติบโตต่อไปได้ กรณีนี้ผู้เขียนเชื่อว่าเพราะเขารู้จักทำธุรกิจโดยที่วางตัวเองอยู่เหนือธุรกิจ ไม่ได้อยู่ในธุรกิจ
เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ และคุมเกมส์ได้
คิ ด ใ ห้ ร อ บ ค อ บ

แต่ก็มีผู้โชคดีอีกหลายคนที่โชคดีที่ธุรกิจประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีระบบที่ดีในการรองรับ หรือไม่กล้าวางมือ ไม่ได้อยู่บนธุรกิจเพราะจมอยู่ในวังวนของงานปฎิบัติการ เรียกว่าคลุกวงในสุดๆ ทำให้เหนื่อย
ทำให้ล้า และทำให้ท้อ ซึ่งอาจส่งผลร้ายต่อธุรกิจทั้งหมดที่มีได้

Danaiya Inspire แนะนำอย่างมากว่า นักธุรกิจทุกคนไม่ควรเอาความสำเร็จและความเก่งกาจของตัวท่านเป็นที่ตั้ง เพราะความเก่งและความสำเร็จนั้นสามารถนำพาท่านไปสู่จุดที่สำเร็จเหนือกว่าได้มากขึ้นเรื่อยๆ และในขณะเดียวกัน ความเหนื่อยหน่าย กังวล ความเครียด และความกดดันจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดความท้อแท้ ไม่มีความสุข

สิ่งที่ท่านควรทำคือ ถามตัวเองอย่างจริงจังว่า ท่านชอบอะไร อยากทำอะไร, คุณค่าในการทำสิ่งนั้นๆสำหรับท่านคืออะไร, ถ้าท่านทำสำเร็จท่านจะรู้สึกอย่างไร, ความสำเร็จนั้นมีความหมายอะไรกับท่านหากท่านล้มเหลวท่านจะรู้สึกอย่างไร, หากท่านไม่ได้ทำธุรกิจนี้หล่ะท่านจะเป็นอย่างไร สังเกตุว่าเป็นคำถามที่ให้ถามตัวเอง ไม่มีปัจจัยอื่นหรือบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย ท่านอาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการตอบคำถาม เพื่อค้นหาคุณค่าและความคุ้มค่าที่แท้จริงให้ได้ เพื่อที่ท่านจะได้แน่ใจแน่ๆว่าท่านโชคดีเมื่อท่านประสบความสำเร็จ ไม่โชคร้ายที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน